วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553
พล็อตหนัง The Fall of the Social Network
วันนี้นึกสนุกขอแหวกแนวอย่าว่ากันนะครับ ภาพยนตร์ที่ผมอยากเห็นมีพล็อตดังนี้
ในอนาคตอีกไม่ไกล ทุกคนรอบๆ ตัวของเราต่างก็เข้าถึงสังคมออนไลน์ แม้แต่มือถือรุ่นกระจอกสุดก็ยังเข้าสู่ "social network" ได้ทุกที่ทุกเวลา การมีพ่อแม่ ลูก คนรัก และเพื่อนอยู่ใกล้ชิดกับตัวเรา "ในอุปกรณ์ไฮเทค" กลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย เราเลิกสนใจคนที่โหนรถไฟฟ้าติดกับเรา เลิกสนใจพ่อค้าขายหมูปิ้ง พอๆ กับที่พ่อค้าเองก็ไม่ได้สนใจเรา เพราะเขาเองก็หมกมุ่นอยู่ในสังคมออนไลน์เช่นกัน
ในอนาคตไกลออกไปวันหนึ่ง social network ได้พังทลายลงอย่างฉับพลัน ผู้คนต่างตกอยู่ในความมืดมน เพราะมนุษย์ได้หลงลืมทักษะในการสื่อสารระหว่างกันไปเสียแล้ว เมื่อเจอหน้ากันคนเราจะไม่มองหน้ากัน ไม่พูดกัน การแก้ปัญหาด้วยการ "พิมพ์" ข้อความให้อีกคน "อ่าน" แทนการพูดคุยถือว่าพอช่วยให้คนสื่อสารกับคนได้ แต่ไม่ใช่การสื่อสารระหว่างคนกับหมา!?
ความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มชื่อ "ด๊อก" กับหมาแปลกหน้าภายหลังการพังทลายของสังคมออนไลน์กลายเป็นเรื่องพิลึก เมื่อมนุษย์จะหันกลับมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจริงๆ ที่ไม่ใช่หมาในไอแพด 16 โดยการพิมพ์ข้อความให้หมาอ่าน ก่อนที่เขาจะพบว่ามนุษย์ในยุคปู่ย่าของเขาเคยมีชีวิตที่อบอุ่นเพียงใด กับครอบครัวไม่ได้มีอยู่เพียงในอุปกรณ์ไฮเทค
ถึงตอนนี้ "ด๊อก" และหมาของเขาหวังเพียงว่าจะนำเอาสังคมที่เคยรื่นรมย์กลับมา แม้ในความจริงเขาจะไม่เคยพบเห็นมันเลยในชีวิตก็ตาม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สิ่งไหนที่เกินพอดีก็คือหมกมุ่นน่ะเอง
ตอบลบผมซื้อหนังสือเรื่อง Accidental Billionaire มานานแล้ว ยังไม่ได้อ่านซักที สงสัยต้องไปดูหนังก่อน
ตอบลบเคยดูแต่หนังชื่อคล้ายๆ กัน เรื่อง Accidental Hero เป็นหนังที่ให้แง่คิดดีๆ หลายอย่างนะ
ตอบลบสังคมออนไลน์ ลืมๆๆไปเถอะครับ มาเล่นบอร์ดเกมส์กันดีกว่า อิอิ
ตอบลบผมคิดว่ามันอาจจะเป็นความหลงใหลที่แตกต่างกัน คนที่เล่นบอร์ดเกมอาจไม่สนใจสังคมออนไลน์ เพราะว่ามีสังคมจริงๆ อยู่ตรงหน้าซึ่งน่าสนใจมากกว่า อันนี้คิดเอาเองอ่ะนะครับ
ตอบลบผมว่าการมีสังคมหลายแบบนี้ดีมากครับ แต่เราต้องแยกแยะเวลาให้ถูกมากกว่า
ตอบลบคนเรามีเวลาเท่ากัน อยู่ที่ใครชอบทำอะไรมากกว่ากันมากกว่าครับ
สำหรับผมเองชอบทั้ง 2 สังคม เพราะมีเพื่อนทั้ง 2 สังคมเลย
แต่ชอบการพบปะมากกว่าครับ มันได้เห็นอารมณ์ความรู้สึก สนุกกว่าครับ