วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Invert Equity Fund: อีกไอเดียแผลงๆ


นวัตกรรมทางการเงินเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นในซีกโลกตะวันตก ผมคิดว่าคนเอเชียเป็นคนชอบใช้มากกว่าชอบคิด แม้ว่าจะมีศักยภาพที่จะทำก็ตามที ถ้าว่าตามนี้ผมก็คงจะเป็นคนเอเชียที่มีความคิดแหวกแนวพิลึกๆ กว่าเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไป (เฉพาะด้านการเงินการลงทุนนะครับ)

ไอเดียต่อไปนี้ใครจะนำไปพัฒนาหรือนำไปใช้ก็ไม่ว่ากัน ไม่ต้องมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วยนะครับ ขออย่างเดียวคืออย่าเคลมว่าคิดได้เอง ไม่ใช่ว่าผมอยากได้หน้าได้ตา แต่ถ้าผมอนุญาตจะเท่ากับผมส่งเสริมให้ทุศีลโดยโป้ปดผิดศีลข้อ 4 ครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะมีในแวดวงการลงทุนก็คือ กองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนในทางตรงกันข้ามกับหุ้น หรือ invert equity fund

อย่างเช่นเวลาที่หุ้นขึ้น 5% กองทุนทั่วไปจะให้ผลตอบแทนราว 5% ใกล้เคียงกัน แต่กองทุนที่ผมว่านี้จะให้ผลตอบแทน -5% (ติดลบ ใช่แล้วครับ) ในทางตรงข้ามเวลาที่หุ้นตก 5% กองทุนอื่นจะขาดทุนราว 5% ส่วนกองทุนนี้จะให้ผลกำไร 5% ฟังดูพิลึกใช่มั๊ยล่ะ ...แล้วมันจะดีอย่างไร

ผมมองว่ากองทุนลักษณะนี้คือสิ่งที่ตลาดยังขาดอยู่ คนที่ซื้อหุ้นหรือซื้อกองทุนหุ้นสามารถเล่นได้เพียงขาเดียว คือ ทำกำไรในตลาดขาขึ้น ส่วนพอตลาดลงก็ต้องรีบตาลีตาเหลือกขายหุ้น แล้วออกมาถือครองเงินสด ซึ่งก็จะส่งผลช่วยกระทืบซ้ำให้ตลาดตกหนักและซบเซาเข้าไปอีก การมีกองทุนที่สวนทางแบบนี้จะช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องขายหุ้นออกไปจริงๆ เพียงแต่หันมาถือกองทุนแบบนี้เท่านั้น

ท่านที่มีความรู้ในระดับที่ลึกขึ้นอาจแย้งว่าตราสารอนุพันธ์ก็สามารถทำแบบนี้ได้ แต่สิ่งที่ผมนำเสนอนี้เป็น "กองทุนรวม" ซึ่งชาวบ้านทั่วไปสามารถสัมผัสได้ครับ ผมคิดว่ามันตรงไปตรงมา ซื้อขายเหมือนกับกองทุนเด๊ะเลย ต่างจากการเข้าทำสัญญาฟิวเจอร์สซึ่งนักลงทุนจะต้องมีภาระในการคำนวณและวางหลักประกัน มีความเสี่ยง basis risk และก็ต้องคอยขยับสัญญา (roll over) อีกด้วย มือใหม่แค่ฟังก็เริ่มมึนแล้วครับ

กองทุนนี้จะช่วยให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้นและช่วยส่งเสริมให้ตลาดอนุพันธ์ในบ้านเราเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะกองทุนจะเข้าสู่ตลาดในฐานะผู้ป้องกันความเสี่ยง (hedger) ไม่ใช่นักเก็งกำไร (speculator) ซึ่งผู้เล่นในกลุ่มหลังนี้มีเยอะมากแล้วและทำให้ตลาดไม่สมดุล

ลงท้ายนี้ผมเองอยากจะให้แง่คิดกับน้องๆ ที่อยากเรียนด้านวิศวกรรมการเงิน หรือ financial engineering ว่าการเรียนในสายนี้ตามกระแสหรือเรียนตามๆ บทเรียนไปให้ผ่านนั้นมันอาจไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตก็ได้ ใครก็ตามที่เรียนแล้วควรจะคิดค้นอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง บางทีของเจ๋งๆ กลับเป็นเพียงแค่ของง่ายๆ ที่ผู้คนต่างมองข้ามไป

1 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยครับ ผมเองก็เป็นอีกคนที่อย่างเห็นคนไทยคิดอะไรใหม่ๆออกมาครับ
    ผมเองหากมีความรู้มากกว่าก็อยากนำเสนออะไรใหม่ๆครับ
    เพียงแต่ตอนนี้ความรู้ยังน้อย กลัวเสนอไปจะทำให้คนอื่นลำบากมากกว่าครับ

    สำหรับวิศวกรรมทางการเงิน มีให้เรียนด้วยหรอครับ
    ผมเพิ่งจะได้รู้นะเนี่ย ว่าแล้วไปหาข้อมูลดูดีกว่า อิอิ

    ตอบลบ