วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

บุคลิกของหุ้น


คนแต่ละคนมีบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน บางคนรอบคอบระมัดระวัง บางคนกล้าได้กล้าเสีย บางคนขยัน บางคนขี้เกียจ ...หุ้นก็ไม่แตกต่างกัน เพราะหุ้นแต่ละตัวต่างก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป


บุคลิกของหุ้นตามแนว ปีเตอร์ ลินช์


หลายท่านคงทราบแล้วว่า ปีเตอร์ ลินช์ อดีตผู้จัดการกองทุน Fidelity Magellan ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการกองทุนที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก แบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่

หุ้นโตเร็ว
หุ้นโตช้า
หุ้นแข็งแกร่ง
หุ้นวัฏจักร
หุ้นฟื้นตัว
หุ้นรวยทรัพย์สิน

ลินช์แบ่งหุ้นออกเป็นประเภทต่างๆ ได้จากลักษณะ "กำไร" ของบริษัท ที่จริงแล้วใครที่เป็นนักอ่านตัวยงน่าจะทราบดีว่าลินช์ให้ความสำคัญกับกำไรของบริษัทเป็นอย่างมาก เขาชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุ้นกับกำไรของบริษัท ซึ่งจะสะท้อนออกมาในระยะยาว จนถึงกับบอกว่า "ถ้าคุณสามารถติดตามข้อมูลได้เพียงชิ้นเดียว ให้ติดตามกำไร"

ที่กล่าวมานี้เป็นการแบ่งบุคลิกของหุ้นตามลักษณะของกำไร (ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม แนะนำให้อ่าน "One Up On Wall Street" หรือเล่มภาษาไทย "เหนือกว่าวอลสตรีท" แปลโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร) อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าถ้าเราแบ่งหุ้นตามลักษณะของราคาหุ้นก็จะเห็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน


บุคลิกของหุ้นตามพฤติกรรมราคา


1. หุ้นนำตลาด

ผมเคยเขียนเกี่ยวกับหุ้นนำตลาดมาแล้ว แต่ในคราวนั้นผมใช้คำว่า "หุ้นนำดัชนี" (ดูใน http://www.monkeyfreetime.com/2012/02/blog-post_20.html) หุ้นพวกนี้เป็นหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่ฝรั่งชอบ ที่ชอบนั้นก็ไม่ใช่เพราะว่ามันมีผลประกอบการดี แต่เพราะว่ามันมีขนาดใหญ่พอที่เม็ดเงินของพวกเขาจะเข้าหรือออกได้สะดวก จริงอยู่ว่าราคาหุ้นในระยะยาวขึ้นอยู่กับผลประกอบการ แต่ในระยะสั้นแล้วราคาหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด

ตัวอย่างคร่าวๆ ของหุ้นกลุ่มนี้คือ หุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50


2. หุ้นปัจเจกชน

ตรงข้ามกับหุ้นนำตลาด หุ้นปัจเจกชนจะมีบุคลิกเรียบนิ่ง "อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว" ใครจะไปจะมาไม่ค่อยสนใจ ฝรั่งจะเข้า กองทุนจะทิ้งก็ไม่เกี่ยวกับเขา เพราะเขาเป็นพวกหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก ราคาหุ้นก็มักจะนิ่งหรือแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นแรมเดือนแรมปี จนวันดีคืนดีผลประกอบการออกมา ราคาหุ้นถึงวิ่งซะทีนึง จากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติคือกลับมานิ่งอีกครั้ง นักลงทุนที่ถือหุ้นกลุ่มนี้จึงมักเป็นพวกถือยาว เพราะพวกเล่นสั้นมักอดทนกับความน่าเบื่อไม่ไหว

ตัวอย่างคร่าวๆ ของหุ้นกลุ่มนี้คือ หุ้นที่ ไม่ อยู่ในดัชนี SET100 หรือ SET50


3. หุ้นมั่นคง หรือ หุ้นเชิงรับ

หุ้นบางตัวที่ไม่ใช่หุ้นนำตลาด ทว่าพอตลาดเป็นขาขึ้นก็ขึ้นไปกับเขาด้วย แม้จะวิ่งไม่แรงนักก็ตาม อย่างไรก็ตามพอตลาดเป็นขาลง หุ้นพวกนี้กลับมีความทนทานหนังเหนียวและไม่ตกมากเท่าหุ้นอื่น ความจริงหุ้นกลุ่มนี้ก็เป็นที่นิยมพอสมควร เพราะคนมักมองว่าพวกมันมีผลประกอบการที่ค่อนข้างแน่นอนและหลายตัวก็จ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ ที่สำคัญนักลงทุนถือแล้วมักกินอิ่ม(พอสมควร)และนอนหลับดี

ตัวอย่างคร่าวๆ ของหุ้นกลุ่มนี้คือ หุ้นที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ทางด่วน หรือของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน


4. หุ้นปั่น

ถ้าจะเขียนให้ถูกจริงๆ แล้วผมควรจะเขียนว่า "หุ้น(ที่เชื่อว่า)ปั่น" หุ้นพวกนี้ราคาและผลประกอบการไปคนละทิศคนละทาง ขึ้นอยู่กับว่าขาใหญ่ที่เล่นนั้นเขาจะจูงไปทางไหน ส่วนมากเป็นหุ้นขนาดเล็กหรือหุ้นที่มีผลประกอบการขาดทุนระดับที่ผู้จัดการกองทุน "ยี้" นั่นแหละครับ การที่บรรดากองทุนไม่ให้ความสนใจทำให้ "ขาใหญ่" ไม่ต้องกังวลกับ "ขาใหญ่กว่า" และสามารถทำราคา... ลากหรือทุบ จนแมงเม่ากระอักให้เห็นบ่อยๆ

หุ้นกลุ่มนี้ขอไม่ยกตัวอย่างแล้วกัน


เลือกหุ้นให้เหมาะกับตัวเอง

นักลงทุนมือใหม่มักถามหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ โดยไม่เคยหันกลับมาดูตัวเองว่ามีบุคลิกอย่างไร คนที่ไม่ match กับหุ้นมักไปด้วยกันได้ไม่นาน ลงท้ายก็ต้องขายทิ้งออกไป และหลายครั้งก็เป็นการขายทิ้งในจังหวะที่แย่ที่สุดเสียด้วย ผมจึงคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าจะสำรวจบุคลิกของหุ้นแล้วลองคิดดูว่าเราจะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้หรือไม่ ไม่ว่าจะในประเด็นของกำไรหรือพฤติกรรมราคา เพราะผลตอบแทนสูงๆ จะไม่มีค่าอะไร ถ้าเราไม่อาจถือรอได้จนถึงวันนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น