วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรื่องเล่าของหญิงงาม "หวังเจาจวิน"


แม้ว่าในอดีต "ผู้ชาย" จะเป็นผู้กุมอำนาจและบริหารบ้านเมือง แต่ก็มีหลายครั้งที่บทบาทสำคัญกลับไปอยู่ในมือของฝ่ายหญิง เกิดเป็นเรื่องราวของ "วีรสตรี" ที่แสดงความกล้าหาญน่ายกย่อง และเรื่องราวของ "หญิงงามล่มเมือง" ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์มานักต่อนัก


ในบรรดา 4 หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน คงมี หวังเจาจวิน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น "หญิงงามกู้เมือง" เธอได้รับการยกย่องเทิดทูนมากทางแถบตอนเหนือของจีน ความงดงาม ความกล้าหาญ และความเสียสละของเธอยังเป็นที่กล่าวขาน แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 2,000 ปี

ส่วน "คอหุ้น" จะได้แง่คิดอะไรจากเรื่องราวของเธอนั้น ต้องติดตามดูครับ

แต่งงานเพราะการเมือง


ในแผ่นดินจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น 30 กว่าปีก่อนคริสตกาล ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ฮูหานเสีย ผู้นำของชนเผ่าซวงหนู เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน และขอผูกไมตรีด้วยการแต่งงานกับพระราชธิดา

ที่จริงการได้ดองญาติกับชนเผ่าซวงหนูซึ่งชำนาญการรบน่าจะถือเป็นเรื่องดี แต่ก็คงไม่มีพ่อคนไหนอยากส่งลูกสาวออกไปตกระกำลำบากอยู่แถวที่ราบสูงมองโกเลีย พระเจ้าฮั่นเหวินตี้ จึงมีคำสั่งไปว่า "นางกำนัลคนใดที่ยอมแต่งงานกับผู้นำชนเผ่าซวงหนู จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง"

ข้อเสนอนี้ฟังดูดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการมีศักดิ์เป็นองค์หญิงนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เพราะพอไปถึงแผ่นดินซวงหนูแล้ว "องค์หญิง" ก็จะเปลี่ยนสถานภาพเป็นเมียของผู้นำชนเผ่า การอยู่เป็นนางกำนัลในรั้วในวังจึงถือว่าสุขสบายกว่ากันเยอะ...  ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีนางกำนัลคนใดอยากรับข้อเสนอดังกล่าว เว้นแต่สาวงามผู้มีนามว่า หวังเจาจวิน ซึ่งสมัครใจอาสา "แต่งงานเพื่อชาติ" และไปใช้ชีวิตกลางทุ่ง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองชนชาติ

ผลของการแต่งงานครั้งนั้นทำให้จีนและเผ่าซวงหนูมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และว่างเว้นจากสงครามถึง 60 ปี

การปรากฏตัวของหวังเจาจวิน


ความจริงแล้ว หวังเจาจวินเป็นหญิงที่มีความงดงามมาก ฉายานามของเธอคือ "ปักษีตกนภา" ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังลืมบินและร่วงหล่นจากท้องฟ้า" แต่เหตุที่เธอยังไม่ได้เป็นนางสนมก็เพราะว่าฮ่องเต้ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย

ธรรมเนียมในสมัยนั้น สาวงามที่เข้ามาอยู่ในวังหลวงจะถูกจิตรกรวาดภาพเพื่อส่งให้ฮ่องเต้ทรงคัดเลือก ผู้ที่ถูกเลือกจะได้เข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์และมีโอกาสได้เป็นสนม นางกำนัลส่วนใหญ่เลยติดสินบนจิตรกร เพื่อให้รูปภาพของตนเองวาดออกมาดูสวยงาม ทว่าหวังเจาจวินไม่ได้ติดสินบน รูปของนางจึงวาดออกมาไม่งามเหมือนตัวจริงและไม่ได้รับการคัดเลือก

เมื่อหวังเจาจวินสมัครใจแต่งงานและเข้าเฝ้าเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ว่ากันว่าการปรากฏตัวของนางถึงกับสะกดทุกสายตาทั่วท้องพระโรง ทุกคนตกตะลึงจนแทบจะลืมหายใจ และแน่นอนว่ารวมทั้งพระเจ้าฮั่นเหวินตี้ด้วย

พระองค์ถึงกับอุทานว่า "ในวังมีหญิงงามถึงเพียงนี้ ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้"

พระเจ้าฮั่นเหวินตี้เรียกภาพวาดของหวังเจาจวินออกมาดูอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่พบคือภาพวาดที่ดู "คลับคล้ายคลับคลา" แต่หวังเจาจวินตัวจริงงามเหนือกว่าภาพวาดนั้นมาก พระองค์เกิดความอาลัยเสียดายนางขึ้นมาจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ในที่สุดหวังเจาจวินก็ต้องเดินทางออกนอกด่านไปดังที่โชคชะตากำหนดไว้

หุ้นที่งามอย่างหวังเจาจวิน


ในโลกของการลงทุน บ่อยครั้งที่เราพบหุ้นที่ "งาม" อย่างหวังเจาจวิน แต่ก็เป็นการพบในห้วงเวลาที่ "สายเกินไป" เพราะราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 3-4 เท่าตัวเสียแล้ว หากเราย้อนดูผลประกอบการก็จะพบว่าบริษัทมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมราคาหุ้นถึงวิ่งได้ไม่หยุดหย่อน

แม้เราจะโชคดีกว่าฮ่องเต้ตรงที่เรายังคงสามารถกัดฟันซื้อหุ้นตัวนี้ได้ (เพราะหุ้นมันไม่ต้องเดินทางออกนอกด่านไปอยู่กับเผ่าซวงหนู) แต่ความจริงก็คือ โอกาสดีๆ ที่จะครอบครองหุ้นตัวนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

การซื้อหุ้นชั้นเยี่ยมในราคาแย่ๆ ไม่ใช่การลงทุนที่ดีนัก

สิ่งที่เราควรย้อนกลับมาคิดก็คือ "ในตลาดมีหุ้นยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมเราถึงไม่เคยรู้" ...บางทีอาจเป็นเพราะเราไม่ขยันศึกษาหาข้อมูล บางทีอาจเป็นเพราะเรามัวแต่เชื่อ "จิตรกร" ที่วาดภาพส่งให้เราดู?!

จิตรกรในตลาดหุ้นก็คือ "นักวิเคราะห์" จากโบรกเกอร์ต่างๆ นั่นเอง บางครั้งหุ้นเจ๋งๆ แต่นักวิเคราะห์เขียนออกมาดูเป็นหุ้นดาดๆ เราอ่านบทวิเคราะห์แล้วก็ไม่สนใจ ทั้งที่จริงมีเรื่องราวน่าติดตามค้นหาอีกตั้งเยอะ หรือในทางกลับกัน หุ้นห่วยๆ แต่นักวิเคราะห์เขียนเชียร์ซะเราอยากซื้อจนมือสั่น กลัวพลาด กลัวตกรถ แบบนี้ก็มีเหมือนกัน

เพื่อตัดปัญหา "จิตรกร" ผมคิดว่าถ้าฮ่องเต้สละเวลาซักเล็กน้อย เรียกนางกำนัลทุกคนมาเรียงแถวให้คัดเลือกแบบคร่าวๆ มันคงไม่กินเวลาเท่าไหร่หรอก การมองหาคนที่ "สวยโดดเด่น" ไม่เห็นจะยากตรงไหน เพราะความโดดเด่นย่อมแสดงออกมาชัดเจนเหนือกว่าคนอื่นอยู่แล้ว

ถ้าเราไม่เห็นก็แปลว่ายังโดดเด่นไม่พอ ว่ากันง่ายๆ อย่างนี้แหละ

ในทำนองเดียวกัน นักลงทุนก็ควรที่จะ "สกรีนหุ้น" ดูด้วยตัวเองก่อน เช่น อาจจะตีกรอบกว้างๆ คัดจากค่า P/E, P/BV, หรือเงินปันผลก็ได้ ใช้เวลาไม่มากเลย เปิดดูสรุปข้อมูลทางการเงินย้อนหลังจากในเว็บไซต์ ดูว่ารายได้มีความสม่ำเสมอหรือไม่ มีการเติบโตของกำไรมากน้อยแค่ไหน... จากนั้นค่อยไปศึกษาในเบื้องลึกหรือเปิดงบการเงิน

หากมัวแต่เชื่อ "ภาพวาด" จากจิตรกร เราอาจจะพลาดหุ้นตัวเล็กที่จิตรกรไม่วาด หรือวาดออกมาแล้วไม่สวยเท่าตัวจริง นอกจากนี้เราไม่อาจรู้ได้ว่าจิตรกรมีอคติอยู่ในใจหรือมีประโยชน์ทับซ้อนอยู่บ้างหรือไม่

พอถึงเวลาที่พลาดหุ้นงามอย่างหวังเจาจวิน จะมานั่ง "หัวใจสลาย" ก็สายไปแล้วครับ


เครดิต ภาพประกอบจากเด็กดีด็อทคอม

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านสนุกมากเลยครับ :)

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15 สิงหาคม 2555 เวลา 11:44

    เขียนอีกนะครับ อ่านแล้วได้ทั้้งความรู้ และความสนุกด้วย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ12 ตุลาคม 2556 เวลา 01:45

    พี่เขียนดีมากเลยค่ะ ได้ึความรู้ ไม่น่าเบื่อ แถมทำให้เห็นภาพ

    ตอบลบ