วันก่อนผมได้ดูมิวสิควิดีโอของ ETC ที่ได้ศิลปินระดับอินเตอร์อย่างนิชคุณมาร่วมแสดงด้วย
“...และมันจะไม่มีใครทำฉันให้ดีอย่างเดิม
เมื่อความปวดร้าวครั้งนั้น ก็ยังวนเวียนอยู่ทุกๆวันที่มี
และเมื่อเวลาไม่เคยจะช่วยอะไร ให้ฉันลืมเธอสักที
ก็ต้องทำใจว่าจากนี้ ฉันคงคุ้นเคยความเจ็บและชินไปเอง”
คงจะเคยได้ยินเพลงนี้กันมาบ้างนะครับ แต่นอกเหนือจากความสุนทรีย์ที่ได้จากการฟังเพลงแล้ว ผมยังได้แง่คิดดีๆ เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นมาฝากกันด้วย
แมงเม่าคุยกัน
บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผมได้พบปะกับคนเล่นหุ้น แล้วนักเล่นหุ้นเหล่านั้นก็จะจับกลุ่มคุยกันซึ่งก็มักจะไม่พ้นเรื่องหุ้น ในยามที่ตลาดสดใสเราอาจได้ยินนักลงทุนคุยโม้โอ้อวดกันว่าได้กำไรหุ้นตัวนั้นตัวนี้ แต่เมื่อไหร่ที่ตลาดเป็นขาลงเรื่องราวก็จะเปลี่ยนไปเป็นการปรับทุกข์แทน หากเงี่ยหูฟังแล้วได้ยินเรื่องในลักษณะ "อะไร" เช่น แต่ละคนซื้อหุ้นอะไรมา ขายไปหรือยัง ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องกำไรขาดทุน เงินๆ ทองๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ากลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกแมงเม่า แต่ถ้าเงี่ยหูฟังแล้วได้ยินเรื่อง "ทำไม" เช่น ทำไมถึงสนใจหุ้นตัวนี้ ปัจจัยทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบอย่างไร หุ้นตัวนี้มีจุดได้เปรียบที่ยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องเชิงคุณภาพ ผมว่ากลุ่มนี้น่าจะ advance กว่าแมงเม่าไปแล้ว
หัวข้อสำคัญอย่างหนึ่งเวลาแมงเม่าคุยกัน คือ ใครเจ็บปวดมาจากตลาดหุ้น และเจ็บมาในรูปแบบไหนกันบ้าง บางคนซื้อควาย (ซื้อแล้วหุ้นลง) บางคนขายหมู (ขายแล้วหุ้นขึ้น) บางคนติดดอยไม่ยอม cut loss บางคนเล่นอนุพันธ์แล้วโดนเรียกมาร์จิ้น เป็นต้น ที่ตลกก็คือส่วนมากมักจะแข่งกันว่าใครเคยเจ็บหนักมากกว่ากัน (ทั้งที่ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าภูมิใจตรงไหน) และที่เขามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์นั้นก็ไม่ใช่เพื่อหาทางแก้ไข แต่คล้ายกับมาหาเพื่อนร่วมชะตากรรมและคอยแสดงความห่วงใยปลอบใจกันมากกว่า
แต่นี่เองที่ผมเห็นว่าเป็นอันตราย
ทัศนคติที่ว่าความเจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อเหล่าแมงเม่าได้ยินได้ฟังเรื่องเจ็บตัวของกันและกัน พวกเขาจะเริ่มคิดว่าการทำผิดพลาดและความเจ็บปวดในตลาดนั้นเป็นของธรรมดา มันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็เป็น ราวกับเป็นสัจธรรมสำหรับนักเล่นหุ้นและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ พวกเขาจึงไม่คิดหาทางแก้ไขจนในที่สุดก็ "เจ็บและชินไปเอง" แล้วเมื่อไหร่ที่โชคกลับมาเข้าข้าง พวกเขาก็จะกลับมายืดได้อีกครั้งหนึ่ง
ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องของโชค นักเทรดที่เก่งๆ จะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี โชคดีโชคร้ายมีส่วนบ้างในระยะสั้น แต่ในระยะยาวมันก็คือวิทยาศาสตร์ดีๆ นี่เอง ถ้าเราเทรดหุ้น 2 -3 ครั้ง ผลลัพธ์คงยากจะคาดเดา แต่ถ้าเราเทรดหุ้น 200 - 300 ครั้งอย่างมีหลักการและคงเส้นคงวา ผลลัพธ์ที่ได้คือค่าเฉลี่ย และค่าเฉลี่ยคือสิ่งที่คาดหวังได้ ไม่เกี่ยวข้องกับโชคหรือดวง
นักเทรดที่เก่งๆ เองก็มีขาดทุนเป็นครั้งคราวบ้างเหมือนกัน แต่มันเป็นการขาดทุนชั่วคราวและอยู่ในกรอบที่เขาวางไว้ เขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะต้องเจอประมาณนี้ เขารู้ค่าเฉลี่ยในระยะยาวที่เขาจะได้รับ นี่คือสิ่งที่แยก "มือโปร" และ "แมงเม่า" ออกจากกัน แมงเม่าอาจจะขาดทุนเหมือนกัน แต่พวกเขาตอบสนองไม่เหมือนกับที่มือโปรทำและเขาก็ไม่ได้ทำอย่างคงเส้นคงวาด้วย เพราะการขาดทุนไม่ใช่สิ่งที่แมงเม่าคาดหวังไว้
ในขณะที่แมงเม่านอนคอยฝันหวานถึงผลกำไร มือโปรจะคอยระแวดระวังเตรียมรับมือกับทั้งกำไรและขาดทุน
สำหรับพวกมือโปรแล้วการเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข เพราะถ้ามีความเจ็บปวดเกิดขึ้นแสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาด การปล่อยให้เจ็บซ้ำซากเป็นการบอกอ้อมๆ ว่ามีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก และเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเอง "เคยชิน" กับความผิดพลาดเหล่านี้ จะว่าไปพวกมือโปรนี้เหมือนนักมวยอึดๆ โดยต่อยแล้วเก็บอาการ แต่เมื่อไหร่เจ็บจริงๆ ก็แสดงว่ามาผิดแผนและก็ต้องปรับแผนกันต่อไป
พยายามเอาอย่างมือโปรกันนะครับ อย่าทำตามอย่างเนื้อเพลงท่อนสุดท้าย "...ฉันคงคุ้นเคยความเจ็บและชินไปเอง" เพราะนั่นคือการลงทะเบียนเป็นแมงเม่าถาวรครับ
วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น