วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก คือ ...


ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินับพันปี มีสิ่งประดิษฐ์มากมายเกิดขึ้น หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไปอย่างสิ้นเชิง เราลองมาทายกันดีไหมครับว่าสิ่งประดิษฐ์อันไหนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และส่งผลกระทบสูงสุดต่อประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรา


หากถามคนในยุคปัจจุบัน ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากหรืออาจจะส่วนมากเลยก็ว่าได้ จะตอบว่า... INTERNET คือสิ่งประดิษฐ์ที่ส่งผลกระทบสูงสุด เพราะอินเตอร์เน็ตได้เชื่อมโยงคนทั้งโลกเข้าหากัน อินเตอร์เน็ตได้ทำให้คำว่า "online" เกิดขึ้น อินเตอร์เน็ตได้ทำลายขอบเขตที่เคยขวางกั้นทั้งระยะทาง (เราติดต่อกับคนที่อยู่ไกลข้ามทวีปได้ในเสี้ยววินาที) และเวลา (เราไม่ต้องพลาดเกมฟุตบอลหรือละครตอนจบอีกต่อไป) ...แต่ผมก็ไม่คิดว่าอินเตอร์เน็ตคือสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด


ในยุคที่คอมพิวเตอร์ถือกำเนิดขึ้น และลดขนาดจากเมนเฟรมเครื่องใหญ่เท่าห้องลงเหลือเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เรามีกันอยู่ทั่วไปตามบ้าน ผู้คนตื่นตะลึงกับความสามารถของมัน เครื่องมือที่สามารถพิมพ์งานแล้วเซฟเก็บไว้แก้ไขได้ เขียนโปรแกรมให้ทำงานต่างๆ ได้อย่างอิสระ คำนวณสิ่งที่เคยอยู่ในกระดาษทดนับสิบๆ หน้า เหลือแค่โค้ดไม่กี่บรรทัด แน่นอนว่าเกือบทุกคนในขณะนั้นยกย่องว่าคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและพลิกประวัติศาสตร์ของมนุษย์มากที่สุด ...แต่ผมก็ไม่คิดเช่นนั้น

ย้อนกลับไปไกลสักหน่อย เมื่อโทรทัศน์ถูกประดิษฐ์ขึ้น ผู้คนที่พบเห็นในครั้งแรกต่างก็วิ่งไปดูด้านหลังว่ามีคนซ่อนตัวอยู่หรือไม่ หรือมันเป็นเวทมนตร์อะไรที่ทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหวได้ และแล้วความนิยมในทีวีก็แพร่หลายขึ้นจนต่อมาแทบทุกบ้านจะต้องมีทีวี ข่าวสารถูกส่งมาในอากาศแบบเดียวกับวิทยุ แต่ว่ามาพร้อมกับภาพเคลื่อนไหวที่ใช้หลักการแบ่งซอยภาพออกเป็นริ้วๆ แล้วส่งเป็นคลื่นมาทางอากาศ ผู้คนได้ดูถ่ายทอดสดข้ามประเทศ ข้ามทวีป ถ้าเรานึกย้อนไปถึงวันนั้นจะพอเข้าใจได้ว่าคนในสมัยนั้นยกย่องโทรทัศน์ว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก ...แต่ผมก็คิดว่ายังไม่ใช่ ยังไม่ใช่เลยครับ

มีบางคนก็บอกว่ารถไฟ อาจจะใกล้เคียงกับสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก ผมว่าอาจจะใช่ คือใกล้เคียง แต่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้

สิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลกในความเห็นของผมก็คือ "หนังสือ" ครับ แน่นอนว่ามันฟังแล้วดูธรรมดามาก แต่เราลองนึกดูว่าก่อนหน้าที่หนังสือจะถูกประดิษฐ์ขึ้น มนุษย์เราส่งต่อความรู้จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้อย่างไร บางทีอาจจะเป็นการบอกเล่า บางทีอาจจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผมเองคิดว่าสิ่งสำคัญมากๆ ที่ทำให้มนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์อื่นอยู่ตรงที่เราสามารถเรียนรู้และส่งต่อความรู้นั้นให้กับคนอื่นๆ ได้

และหนังสือก็เป็นการส่งต่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดวิธีหนึ่ง ลองกลับไปที่บ้าน มองดูกองหนังสือที่เราเคยอ่านมาในชีวิต เราจำอะไรในหนังสือเหล่านั้นได้บ้างครับ? ในภาพรวมบางทีเราอาจจะจำได้ซัก 3% หรือดีหน่อยก็อาจจะ 5% แต่หนังสือก็ยังคงอยู่ตรงนั้น วันหนึ่งเราย้อนกลับมาอ่านความรู้เก่าๆ ก็จะกลับมา หรือเพื่อนเราคนใดคนหนึ่งกลับมาอ่านก็จะได้ความรู้ขึ้นมาด้วย ผมจึงบอกว่าถ้าปราศจากหนังสือมนุษย์เราจะโง่กว่านี้อีกมาก

มนุษย์ประดิษฐ์รถไฟ ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ขึ้นมาได้ก็ด้วยอาศัยองค์ความรู้ซึ่งถูกส่งต่อจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งผ่านทางหนังสือ แน่นอนว่าผู้ประดิษฐ์คงจะต้องคิดเองบ้างบางส่วน แต่ความรู้ที่ศึกษาจากในหนังสือก็ถือว่าเป็นฐานชั้นดีที่ทำให้ศักยภาพของเขาเหล่านั้นเปล่งประกายเจิดจ้า ดังนั้น ถ้าคิดให้ลึกซึ้งถึงผลกระทบที่ "เปลี่ยนโลก" หนังสือย่อมสร้างผลกระทบที่ชัดเจนกว่าสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ ที่ผมได้กล่าวมาแล้ว

ที่เหนือไปกว่านั้นหนังสือเป็นตัวแทนของคนที่เขียนมันขึ้นมา ผมเชื่อว่านอกจากความรู้แล้วความเป็นตัวตนของเราจะถูกถ่ายทอดออกมาทางตัวหนังสือ คนเราไม่มีทางสิ้นชื่อหากหนังสือที่เขียนยังคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น สามก๊ก ผมเชื่อว่าอีกนับร้อยปีในอนาคต หลอกว้านจง(ผู้เขียนสามก๊ก) หรือแม้แต่เจ้าพระยาพระคลัง(หน) ซึ่งเป็นผู้แปลสามก๊กเป็นภาษาไทย ก็จะยังคงเป็นอมตะอยู่ในโลกใบนี้ และนี่คือพลังของสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก เชื่อเหมือนผมหรือไม่ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น