วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Pricing A Lottery



"ล็อตเตอรี่" จัดได้ว่าเป็นของที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน แม้คนไทยจะไม่ได้เป็นคนที่คิดค้นล็อตเตอรี่ แต่สำหรับบางคนทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ซึ่งเป็นวันออกรางวัล เขาแทบจะนับวันรอเลยทีเดียว ผมเคยไปฝึกงานกับองค์กรรัฐวิสาหกิจที่หนึ่ง ปรากฏว่าทุกวันพี่ๆ เขาจะทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ...ยกเว้น "วันหวยออก" ซึ่งจะเปลี่ยนมาขะมักเขม้นอยู่ที่หน้าจอทีวีแทน


ผมอ่านหนังสือที่เขียนโดยคุณสุมาอี้ (นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์) เล่มหนึ่งชื่อ "หลักการพนัน" ซึ่งทราบมาว่าภายหลังเปลียนชื่อเป็น "โอกาสและความน่าจะเป็น" ไปแล้ว เขาบอกไว้ว่าหากเราคิดถึงเรื่องค่าคาดหวัง (expectation) ที่จะได้รับจากสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือล็อตเตอรี่แล้ว เราจะไม่ซื้อมันเลย เพราะกำไรที่คาดหวังจากล็อตเตอรี่แท้จริงแล้วเป็นลบถึง 40% เช่น ถ้าเราจ่ายเงินซื้อล็อตเตอรี่ไป 100 บาททุกงวด ในระยะยาวเราจะได้รางวัลเฉลี่ยเพียงประมาณ 60 บาทเท่านั้น


ความหมายก็คือ เราจ่ายเงิน 100 บาทเพื่อซื้อรางวัลมูลค่า 60 บาทนั่นเอง อ้าว แล้วอีก 40 บาทไปไหนล่ะเนี่ย


งั้นซื้อล็อตเตอรี่ไปทำไม??


คำตอบจากปากของคนที่ซื้อหวย ทั้งหวยรัฐและหวยใต้ดิน เขาบอกว่า "เอาไว้ลุ้นสนุกๆ เผื่อรวย" คีย์เวิร์ดอยู่ที่คำว่า "ลุ้น" นี่เองครับ


ผมเปิดดูในวิกิพีเดียหาคำว่า lottery แล้วได้อะไรที่น่าสนใจครับ ในวิกิฯ บอกไว้ว่า


"The purchase of lottery tickets cannot be accounted for by decision models based on expected value maximization."


นั่นคือเราไม่สามารถอธิบายการซื้อล็อตเตอรี่ได้ด้วยการคิดจากค่าคาดหวัง แต่ต้องไปคิดจากความพึงพอใจของผู้ซื้อ ซึ่งเป็นเพราะว่าคนที่ซื้อมีพฤติกรรมแบบ risk-seeking พูดง่ายๆ ว่าอยากเสี่ยงโชคนั่นเอง


ความแน่นอน vs ความไม่แน่นอน


ความจริงแล้วเป็นเรื่องค่อนข้างน่าประหลาดเหมือนกัน พอเราคิดถึงเรื่องการลงทุน เช่น ซื้อหุ้น ซื้อกองทุนรวม เราเกลียดความไม่แน่นอน (uncertainty) เวลาที่แม่ผมถามว่าซื้อ LTF ไว้ลดภาษีดีมั๊ย ผมมักจะถามย้อนกลับว่า "ถ้าปีหน้าหุ้นขึ้นแล้วได้กำไรหมื่นนึง โอเคมั๊ย" แม่ก็บอกว่าดีสิ แต่พอผมถามใหม่ว่า "ถ้าหุ้นลงแล้วขาดทุนหมื่นนึงล่ะ?" คราวนี้แม่บอกโอ๊ย ไม่เอาหรอก ลงท้ายผมเลยเชียร์ให้ไปซื้อ RMF แทน


ความไม่แน่นอนคนเรามักจะไม่ชอบถ้าเป็นด้านลบ แต่ถ้าเป็นด้านบวกไม่ว่ากัน เรื่องของล็อตเตอรี่ก็คล้ายกันครับ เพียงแต่มันเป็นความแน่นอนในทางลบ คือ ต้องจ่าย 100 บาทก่อนเพื่อเสี่ยงโชค แต่ก็แลกมาด้วยความไม่แน่นอนในด้านบวก คือ "อาจจะรวย" แต่ในคำว่าอาจจะนี่เป็นความน่าจะเป็นหรือ probability ที่ต่ำมากนะ ทว่าคนก็ยังชอบเพราะนั่นคือความหวัง


ถ้าอย่างนั้นผมรู้แล้วครับ สิ่งที่มาอุด 40 บาทที่หายไปก็คือ "ความหวัง" นี่เอง


สำหรับคนจน (หรือแม้กระทั่งชนชั้นกลาง) การเก็บเงินจนกระทั่งร่ำรวยเป็นทางยากของเขา เพราะมันต้องใช้แรงกาย แรงใจ เวลา ต้องอดทนกับความอยากต่างๆ นานา ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับกิเลสมากมาย อยากได้มือถือใหม่ ไอโฟน ไอแพด รถยนต์ ฯลฯ ดังนั้นการรวย "ทางง่าย" ของเขาจึงไปตกอยู่ในความหวังที่ริบหรี่ ...จากไหนน่ะเหรอ ก็จากล็อตเตอรี่หรือหวยนั่นไง


บทสรุป


เงินที่เราจ่ายซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ล็อตเตอรี่ ทุกๆ 100 บาท จะกลายไปเป็นเงินรางวัล (ของใคร?) จำนวน 60 บาท และกลายมาเป็นค่าความหวังของเราเอง 40 บาท ซึ่งเรายินดีจ่ายเงินก้อนเล็กนี้หลายๆ ครั้งเพื่อแลกกับความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคนจนว่าสักวันเราจะรวย แต่หลายคนซื้อหวยบนดิน-ใต้ดิน ล่าเลขเด็ดต่างๆ มาจนแก่ตัว แล้วก็ไม่รวยซักที ยกเว้นก็แต่เจ้ามือนะครับ รวยเอา รวยเอา


ราคาล็อตเตอรี่ [100 บาท] = มูลค่ารางวัล [60 บาท] + ความหวังที่จะได้รางวัล 60 บาทที่ว่านั้น [40 บาท]


แล้วตกลงเราซื้อล็อตเตอรี่ทำไมเนี่ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น