วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

พูดอย่างทำอย่าง


หลายสิ่งหลายอย่างที่แวดล้อมชีวิตเรามีลักษณะที่เรียกว่า "พูดอย่างทำอย่าง" ซึ่งนึกดูแล้วผมก็เห็นว่าแปลกดี บางทีก็น่าขำเสียด้วยซ้ำ

ตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นที่เราเห็นๆ กันอยู่ ปากก็บอกปาวๆ ว่าให้ผู้ลงทุนเน้นการออม อย่าเล่นรอบ (เข้าเร็ว-ออกเร็ว และเข้าออกเพื่อทำกำไรเป็นรอบๆ) แต่ครั้นเวลาจัดกิจกรรมก็มักจะส่อไปในทาง "เล่น" หุ้นอยู่เสมอ อย่างการจัดแข่งขัน Click2Win อย่างนี้เป็นต้น

การแข่งขัน Click2Win เป็นการแข่งขันซื้อขายหุ้นโดยเน้นไปที่กำไรสูงสุด ซึ่งดูเผินๆ ก็ไม่น่าจะผิดอะไร แต่ที่จริงได้มองข้ามคุณภาพของกำไรไปเสียหมด สมมติว่าแบ่งผู้แข่งขันออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นนักลงทุนแบบลิงปาเป้า คือ มั่วมันเข้าไปเหอะ ในแต่ละเดือนลิงตัวที่เคราะห์ร้ายก็จะขาดทุนจนหมดตูดและออกจากการแข่งขันไป ส่วนลิงตัวที่โชคดีก็จะได้กำไรและผ่านเข้าสู่เดือนต่อไป จนกระทั่งครบกำหนดการแข่งขันลิงตัวที่โชคดีที่สุดก็จะชนะการแข่งขัน

แล้วผู้เข้าแข่งขันกลุ่มที่สองไปไหน? กลุ่มที่สองเป็นนักลงทุนมดงาน เข้าซื้อขายหลังจากทำการบ้านมาอย่างดี พอร์ตของนักลงทุนกลุ่มนี้จะค่อยๆ เติบโตงอกงาม แต่แล้ว...เวลาการแข่งขันก็หมดเสียก่อนที่จะได้เห็นผลงามๆ ในระยะยาว ผมคิดว่าถ้าแข่งกันซัก 3-4 ปี เราจะได้เห็น "มดงาน" ขึ้นมายืนแป้นรับรางวัลบ้าง แต่ถ้าแข่งกันไม่กี่เดือนก็คงได้เห็นแต่ "ลิงผู้โชคดี" เท่านั้นแหละครับ สังเกตสิว่าลิงผู้โชคดีในแต่ละครั้งมักไม่ใช่ตัวเดิม

อีกตัวอย่างหนึ่งของการพูดอย่างทำอย่าง ได้แก่ สถาบันการเงิน ผมเชื่อว่าเราๆ ท่านๆ ส่วนมากจะเคยโดนธนาคารบางแห่งโทรมาขายประกัน ขายบัตรเครดิต หรือถ้าไปเดินงาน Money Expo ก็อาจจะเจอขายกองทุนอีกต่างหาก แต่สังเกตนะครับว่าเวลาเราไปขอกู้เงิน ธนาคารกลับขอดูหลักฐานแต่บัญชีเงินฝาก ไม่เคยขอดูบัญชีกองทุนรวม ไม่เคยถามว่าเรามีการออมผ่านประกันชีวิตมั๊ย คือ ไม่เคยให้น้ำหนักกับการออมในรูปแบบเหล่านี้ แต่พอจะปฏิเสธคำขอกู้ดันบอกว่า "คุณมีบัตรเครดิตเยอะมากแล้ว เกรงว่าจะก่อหนี้มากชำระหนี้ไม่ไหว เงินออมก็น้อย" (ฮา)

ตัวเองขาย คะยั้นคะยอ ตื๊อ ... เสร็จแล้วกลับบอกว่า เฮ้ย มันไม่ดี

นี่เป็นอีกหนึ่งความน่าละเหี่ยใจของคนที่ "พูดอย่างทำอย่าง" ครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อ 10 ปีก่อนผมไม่รู้จักตลาดหุ้นเท่าไรนัก บังเอิญไปเดินงาน Set in the City แฟนเลยชวนให้เข้าไปนั่งเล่นเกมหุ้นที่เค้าจัดเป็นรอบๆ มีคนแข่งกันอยู่ร้อยกว่าคนเห็นจะได้

    ปรากฏว่า ผมซึ่งไม่รู้อะไรเลย เข้าไปคลิ๊กซื้อๆ ขายๆ แต่ผลออกมากลับได้อันดับ 50 กว่าๆ ชนะคนอีกร้อยคนได้ รวมทั้งแฟนผมซึ่งศึกษาข้อมูลมาพอสมควร ทั้งที่ความรู้ผมตอนนั้นเป็น "ศูนย์" จริงๆ

    นั่นคือบทเรียนแรกที่ทำให้ผมเห็นความ "ไม่ได้เรื่อง" ของการเล่นหุ้นตามข่าว การเก็งกำไร การที่คนที่ไม่รู้อะไรเลยสามารถชนะคนที่คิดว่าตัวเองรู้ดีได้ แปลว่ามันต้องมีอะไรผิดแล้วล่ะ

    หลังจากนั้น พอเริ่มลงทุนจริง ผมจึงไม่คิดเก็งกำไรเลย แต่ใช้แนวทางอื่นแทน :)

    ตอบลบ
  2. คุณอาทไม่คิดว่านั่นเป็นแววของนักเก็งกำไรชั้นดีบ้างหรือครับ :)

    ตอบลบ