ขอแบ่งปันเนื้อหาดีๆ จากงานสัมมนาเนื่องในโอกาสเปิดตัวหนังสือ “แต้มต่อในตลาดหุ้น” ซึ่งเป็นสัมมนาฟรีที่จัดขึ้นสำหรับแฟนหนังสือ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2558
ใน session แรกเป็นการเสวนาในหัวข้อ “ไม่รวยสักที เพราะไม่มีแต้มต่อ” โดยผู้เขียน (สุภศักดิ์ จุลละศร) และบรรณาธิการ (คุณประภาคาร ภราดรภิบาล) สามารถสรุปประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้
- รวย หมายถึง มีเงินทองมาก ... อย่าสับสนระหว่าง “มีเงินมาก” กับ “มีรายได้มาก”
- มีเงินมาก เรียกว่า “รวย” แต่ถ้าใช้เงินมาก เรียกว่า “ดูรวย”
- คิดดีๆ ว่าเราต้องการอะไร บางคนอยากดูรวยก็ไม่ได้ถือว่าผิด แต่ต้องเข้าใจว่าสองสิ่งนี้อยู่ตรงข้ามกัน เพราะโดยปกติถ้าเราใช้เงินมาก เงินที่เรามีก็จะลดลง
วิธีรวยมากๆ (ระดับร้อยล้านหรือพันล้านบาท) เรียกว่า Code R-I-C-H ซึ่งดัดแปลงมาจากสัมมนาโดยคุณ Sebastien Leblond ที่จัดขึ้นโดย British Council และผู้เขียนได้เข้าฟังเมื่อหลายปีก่อน
R – Real Estate คือ รวยจากอสังหาริมทรัพย์
ให้นึกถึงมหาเศรษฐีตระกูลดังๆ เช่น ภิรมย์ภักดี กาญจนพาสน์ เตชะณรงค์ สิริวัฒนภักดี ฯลฯ ซึ่งหันเหจากธุรกิจเดิมเข้าสู่ “ตัว R” นี้ เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่ง
I – Investor คือ รวยจากการลงทุน
ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์, จอร์จ โซรอส, ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
C – Company Owner คือ รวยจากการสร้างบริษัท
ในยุคปัจจุบันมีตัวอย่างบริษัทที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ก่อตั้งร่ำรวยมหาศาล เช่น มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แห่ง Facebook, เซอร์เกย์ บริน และ ลาร์รี เพจ แห่ง Google
H – High Income Earner คือ รวยจากการมีรายได้มหาศาล
ตัวอย่างเช่น นักกีฬาดังๆ อย่าง ไทเกอร์ วูดส์ และ คริสเตียโน โรนัลโด หรือ เจ. เค. โรว์ลิง ผู้เขียนหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์
การสร้างความร่ำรวยสไตล์ ดร.นิเวศน์ ใช้หลักที่เรียกว่า “แก้ว 3 ประการ” ซึ่งผู้เขียนเคยเรียบเรียงไว้ในหนังสือ “ปลุกความคิด พิชิตการลงทุน” โดยสำนักพิมพ์วิง มีเดีย ประเด็นคือ เราควร maximise สามอย่างนี้ให้ได้พร้อมๆ กัน สำหรับแก้ว 3 ประการนั้นประกอบด้วย
- เม็ดเงินลงทุน สามารถสร้างแต้มต่อได้โดยการเก็บออมให้มาก พยายามอดใจไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย รวบรวมเงินที่เรามีอย่าให้เป็นเบี้ยหัวแตก ชักชวนพ่อแม่หรือญาติๆ มาร่วมลงทุน
- ผลตอบแทนทบต้น สามารถสร้างแต้มต่อได้โดยการเปิดใจให้กว้าง มองหาโอกาสในการลงทุน แสวงหาความรู้ ถ้ารู้น้อยก็อย่าเพิ่งโลภมาก
- ระยะเวลาลงทุน สามารถเพิ่มแต้มต่อได้โดยการเริ่มลงทุนเร็ว ตายช้าๆ (คือ ให้รักษาสุขภาพ) รู้จักส่งต่อความมั่งคั่งไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน มุมมองที่สำคัญอีกอย่าง คือ ถ้าลงทุนหุ้นแล้วชอบ “เล่นรอบ” เข้าๆ ออกๆ พอตกรถปุ๊บ การลงทุนก็ไม่ต่อเนื่อง ทำให้ระยะเวลาลงทุนกะพร่องกะแพร่ง เกิดแต้มต่อไม่เต็มที่
สุดท้ายเป็นเรื่องข้อต่อของการลงทุน ประกอบด้วยการ “ซื้อ–ถือ–ขาย” เราสามารถหาแต้มต่อได้จากทุกท่อน โดยหากเป็น VI ท่อนที่เป็นการ ถือ จะเด่นขึ้นมา ขณะที่แนวเก็งกำไรระยะสั้น ท่อน ถือ อาจสั้นจนแทบไม่มีประโยชน์ นั่นเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจ
สำหรับเนื้อหาใน session ที่สอง ผมจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ:)
ลบ