วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อาชีพปัจจุบันในยุคโบราณ


คนที่ผมพบเห็นในสังคมเมืองทุกวันนี้เชื่อว่าเกิน 80% น่าจะเป็นลูกจ้าง ซึ่งมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่เราเกิดมา เรียนๆๆ เรียนจบก็ไปสมัครงาน ทำงาน... ได้เงินเดือน... ย้ายงาน... ได้เงินเดือนเยอะขึ้น จนความคิดของคนสมัยนี้คือ ไปสมัครทำงานที่ไหนถึงจะได้เงินเยอะๆ ไปทำที่ไหนถึงจะก้าวหน้าได้เป็นผู้บริหารเร็วๆ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ศรัทธาการหา-กิน คือ การหามาเพื่อกิน ใช้ เที่ยว จนหมด วันหนึ่งที่ผมหมดไปกับชีวิตการทำงาน แลกเงินเดือนด้วยความยากลำบาก ควรค่ากับการเอามากินอาหารหรูๆ ซื้อของใช้แพงๆ หรือเที่ยวแบบไฮโซเหมือนคนรวย ในวันนี้หรือเปล่า

ผมเคยได้ยินนักลงทุนชั้นบรมครูบอกไว้ว่า "ถ้าคุณใช้ชีวิตเหมือนคนรวย คุณก็จะไม่มีวันรวย"

ถ้ามี 100 ใช้หมด 100 ชีวิตไม่เหลืออะไร... แม้จะใช้ 95 เก็บ 5 ก็ยังอาจไม่พอใช้ในวันข้างหน้า... หลายคนไม่ถนัดเรื่องตัวเลข แต่ผมบอกได้ว่า math สามารถพิสูจน์ได้ว่าเราจะรวยเร็วขึ้นอักโข ถ้าไม่ตบะแตก ใช้สอยซื้อของแพงๆ ตามกระแสไปหมดเสียก่อน เว้นเสียแต่เราจะพอใจกับการเป็นเพียง "คนงานในฟาร์ม" ของมนุษย์ยุคโบราณครับ

คนในสมัยโบราณเริ่มจากการล่าสัตว์ เก็บพืชผักมากิน ในชั้นแรกทุกคนจึงเป็น "เจ้านาย" ของตัวเองหมด จนเมื่อสังคมพัฒนาขึ้นมาคนก็เพาะปลูก มีการทำฟาร์ม และเริ่มมีการจ้างงาน คนที่รับจ้างทำงานในฟาร์มก็เอาแรงงานแลกค่าตอบแทน ส่วนเจ้าของฟาร์มก็ได้ผลผลิต

ทุกวันนี้แม้สังคมในเมืองก็ยังมีรูปแบบนี้อยู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากการทำฟาร์มไปเป็นการทำธุรกิจ ซึ่งลูกจ้างอย่างเราๆ ก็เอาแรงงานไปแลกเงิน ว่ากันไปก็เหมือนกับ "คนงานในฟาร์ม" นั่นเอง น่าตลกที่ชีวิตคนงานในฟาร์มคล้องจองกับลูกจ้างในปัจจุบันอย่างเหลือเชื่อ เวลาที่ลูกจ้างไปทำงานสาย เขามักเจอหัวหน้า (แสดงว่าหัวหน้าก็มาสายนี่หว่า) หรือบางทีแว้บไปซื้อของกิน หัวหน้าก็ดันเรียกใช้พอดี... คนงานในฟาร์มก็เหมือนกันครับ เมื่อไหร่ที่เขาทำงานจนเหนื่อยแล้วนั่งพัก เดี๋ยวเดียวหัวหน้าคนงานก็จะเดินมาตรวจพอดี ฟังแล้วคุ้นหูกันบ้างไหม?

บางบ้านสอนให้ลูกไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้บริหารซึ่งก็เท่ากับได้เป็น "หัวหน้าคนงาน" ซึ่งได้ค่าจ้างแพงขึ้นมาบ้าง แต่ก็ต้องเครียดปวดหัวปวดเฮดมากขึ้นแล้วก็ยังเป็น "คนงาน" อยู่ดี แต่ก็มีบางบ้านเหมือนกันที่ก็สอนให้ลูกเป็น "เจ้าของฟาร์ม" คือ เริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง แต่ว่าเราเคยถามตัวเองอย่างจริงจังบ้างไหมว่าเราอยากเป็นอะไร

พอใจกับการเป็นคนงาน? หัวหน้าคนงาน? หรือเป็นเจ้าของฟาร์ม?

หวังว่าคงมีคำตอบกันนะครับ ทีนี้ถ้ามีคนสงสัยว่าแล้วถ้าเป็นนักลงทุนหรือนักเทรดมืออาชีพล่ะ จะเป็นอาชีพอะไรในยุคโบราณ จะว่าเป็นเจ้าของฟาร์มก็ไม่น่าใช่ คนงานก็คงไม่ใช่ ...ผมคิดว่าน่าจะเป็น "นายพราน" ครับ นายพรานออกล่าสัตว์ด้วยเครื่องมือเครื่องไม้และความเชี่ยวชาญของตนเอง บางครั้งกลับมาพร้อมอาหารมากมาย แต่บางครั้งก็กลับมามือเปล่า มิหนำซ้ำยังทำเครื่องมือเจ๊งไปอีกก็มี

นายพรานบางคนชอบออกล่าสัตว์บ่อย บางคนชอบรอจนเห็นจังหวะที่จะแจ้งก่อนค่อยลงมือ เปรียบเหมือนนักลงทุนที่มีสไตล์ไม่เหมือนกัน แต่ที่ไม่แตกต่างคือพวกเขาจะอิ่มท้องหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่มีคนงาน ไม่มีฟาร์ม สิ่งสำคัญที่ต้องมีคืออุปกรณ์และฝีมือ

แต่ก็มีคนงานในฟาร์มหลายคนเห็นนายพรานกลับมาจากล่าสัตว์พร้อมอาหารเยอะแยะ ก็เลยคิดว่า "เฮ้ย! นี่มันง่ายนี่หว่า เราอย่ามัวเป็นคนงานเลย ไปล่าสัตว์ดีกว่า" แล้วก็วิ่งเข้าป่าซึ่งมีอันตรายรอบด้านโดยปราศจากการเตรียมตัว ไม่มีมีด ไม่มีหอก ไม่มีธนู ไม่มีแผนการใดๆ ...แล้วคุณคิดว่าเขาจะเป็นอย่างไรครับ

ในทำนองเดียวกันคนที่อยากเป็นนักลงทุนหรือนักเทรดก็ต้องมีการเรียนรู้และเตรียมตัว มีเงินทุนและทักษะที่เพียงพอ มีการวางแผน จริงอยู่ว่าเราไม่มีทางรู้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร แต่เราควรรู้ว่า "ถ้า" ตลาดเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราจะรับมืออย่างไร

ขอเอาใจช่วย "นายพราน" ทุกคนครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ธรรมดาที่คนงานจะแนะนำให้คนอื่นๆ เป็นคนงานและใผ่ฝันถึงการเป็นหัวหน้าคนงาน(ระดับสู้ง...สูง) ขอมอบกำลังใจแต่นายพรานอิสระทั้งหลายค่ะ

    ตอบลบ
  2. เราต่างเป็นผู้โฉดเขลาพยายามไต่เต้าไปเป็นหัวหน้าคนงาน เพียงเพื่อที่จะพบว่ายังมี "หัวหน้าของหัวหน้าคนงาน" และ "หัวหน้าของหัวหน้าของหัวหน้าคนงาน" ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วสุดท้ายเราก็ต้องมีใครซักคนเป็นนายต่อไป

    ...หรือออกจากวังวนนี้เสีย

    ตอบลบ