วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568

มูลค่าของหุ้นวัฏจักร


นักลงทุนจำนวนมากบอกว่า หุ้นวัฏจักร ประเมินมูลค่าได้ยาก ทำไปก็เสี่ยงเข้ารกเข้าพง แม้ในตำราวีไอฉบับไทย ๆ ก็ไม่ค่อยมีใครประเมินกัน อย่างไรก็ตาม หากเราไปดูตำราต่างประเทศ ก็จะพบว่าวิธีนั้นมีอยู่

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของหุ้นประเภทนี้เสียก่อน


ธรรมชาติของหุ้นวัฏจักร


หุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นที่มีช่วงเวลาดี ๆ สลับกับช่วงเวลาแย่ ๆ กำไรต่อหุ้น (EPS) จึงไม่ค่อยเติบโตต่อเนื่อง แต่อาจเป็นไปทำนองนี้


สังเกตว่าในตัวอย่างของเรา กำไรมีการขึ้น ๆ ลง ๆ แบบรูปคลื่นพื้นฐาน [เส้นโค้งสีน้ำเงิน] ซึ่งที่จริงหากถอยออกมามองภาพใหญ่ กำไรเฉลี่ยในระยะยาวยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ [เส้นประสีดำ]


ในโลกความจริง ช่วงเฟื่องฟูและช่วงตกต่ำอาจไม่ชัดเจนเหมือนแบบจำลองของเรา แต่ถึงกระนั้น การหา “ระดับกำไรปกติ” จากค่าเฉลี่ยย้อนหลังไปหลาย ๆ ปี โดยให้ครอบคลุมตลอดช่วงวัฏจักร ก็ยังอยู่ในวิสัยที่ทำได้


เมื่อทราบแนวโน้มการเติบโตของกำไรปกติในระยะยาว [เส้นประสีดำ] และอนุมานว่าเงินปันผล รวมถึงกระแสเงินสดต่าง ๆ มีความสอดคล้องกับกำไรปกติดังกล่าว คราวนี้การประเมินมูลค่าหุ้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนแล้ว มูลค่าหุ้นอย่างคร่าว ๆ ก็จะเป็นไปตาม [เส้นประสีแดง] นั่นเอง


มูลค่าหุ้นอย่าง ไม่ คร่าว


หากนักลงทุนก้าวไปอีกขั้น โดยนำการขึ้น ๆ ลง ๆ ของกำไร (และกระแสเงินสด) มาคำนวณมูลค่าหุ้นด้วยการคิดลดกระแสเงินสดบนโปรแกรม Excel มูลค่าหุ้นก็จะออกมาเป็นลูกคลื่น ดังภาพ


ทั้งนี้ ท่านนักลงทุนอาจสังเกตได้ว่า “ยอดคลื่น” ของกำไรกับมูลค่าหุ้นนั้นเหลื่อมกันอยู่ เช่น ยอดคลื่นของมูลค่าหุ้น [ลูกศรสีเหลือง] ตรงกับปีที่ 8 แต่ยอดคลื่นของกำไร [ลูกศรสีเขียว] กลับไปตรงกับปีที่ 10


เพราะฉะนั้น ในรอบวัฏจักร 8 ปีนี้ มูลค่าหุ้นจะ นำหน้า กำไรอยู่ราว 2 ปี หรือเศษหนึ่งส่วนสี่ของรอบวัฏจักร ซึ่งเฟสของคลื่นที่เหลื่อมหรือไม่ตรงกันดังกล่าว มีผลทำให้การลงทุนหุ้นวัฏจักรกลายเป็นเรื่องยากและฝืนสามัญสำนึกขึ้นมา


เหตุผลที่ยาก


ประการแรก นักลงทุนมีความคุ้นเคยกับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งมีธรรมชาติแตกต่างจากหุ้นวัฏจักรนับเป็นเวลาช้านาน พวกเขาซึมซับความคิดที่ว่า

กำไรดี = มูลค่าสูง

และ

กำไรแย่ = มูลค่าต่ำ

เมื่อพบว่ากรอบความคิดเดิมใช้งานไม่ได้ พวกเขาจึงเริ่มสับสน

ประการที่สอง การ “เหลื่อมเฟส” ของกำไรกับมูลค่าหุ้นเพียง 90 องศา (เศษหนึ่งส่วนสี่ของรอบวัฏจักร) รับมือได้ยากกว่าการคิดแบบกลับหัวกลับหาง 180 องศา เช่น สูงกลายเป็นต่ำ หรือ ดีกลายเป็นแย่

ประการที่สาม การตีความอัตราส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุน เช่น P/E ในกรณีของหุ้นวัฏจักร มีความแตกต่างออกไป


สังเกตว่าช่วงที่มูลค่าหุ้นเป็นขาขึ้น [ลูกศรสีเขียว] จะตรงกับช่วงที่กำไรถดถอยอย่างน่ากลัว ผลักดันค่า P/E ให้สูงลิบลิ่วจนดูเหมือนหุ้นมีราคาแพง ไม่น่าซื้อ

ในทางกลับกัน ช่วงที่มูลค่าหุ้นเป็นขาลง [ลูกศรสีชมพู] ตรงกับช่วงที่บริษัทมีกำไรสูงทำลายสถิติ ซึ่งก็จะดึงให้ค่า P/E ลดลงจนดูเหมือนหุ้นมีราคาถูก ปลอดภัย และกลายเป็น “กับดัก” ที่ทำให้หลายคนติดหุ้นวัฏจักรในช่วงขาลง


บทสรุป


แม้หุ้นวัฏจักรจะประเมินมูลค่าได้ยากกว่าปกติ ทว่าเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่รู้จริง (และใจกล้าพอ!) เพราะว่ามีคนในตลาดมากมายพร้อมจะโยนเงินทิ้งในจังหวะที่ท่านรู้ดีว่าควรเข้าไปเก็บ

ข้อสำคัญที่ต้องตระหนักก็คือ หุ้นพวกนี้ซื้อแล้วต้องขายให้เป็นด้วย ไม่อย่างนั้นอาจได้ถือยาวจนครบรอบวัฏจักร